ผู้ลี้ภัยชาวซูดานได้รับถังน้ำเอนกประสงค์จาก UNHCR ในค่ายผู้ลี้ภัยคาคูม่า ประเทศเคนยา ส่วนหนึ่งของความช่วยเหลือในความพยายามระดับโลกเพื่อปกป้องผู้ลี้ภัยจากการระบาดใหญ่เชื้อไวรัสโควิด 19
© UNHCR/Allan Kipotrich Cheruiyot
ยูเอ็นเอชซีอาร์, สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ มีความยินดีต่อการประกาศให้การสนับสนุนของบริษัทโซนี่ คอร์ปอเรชั่น ในการจัดตั้งกองทุน “Sony Global Relief Fund for COVID-19” โดยเงินจำนวนราว 92 ล้านบาท (3 million USD) จะถูกนำไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัยจากภัยคุกคามจากการระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโควิด 19 โดยโซนี่เป็นภาคเอกชนบริษัทแรกที่ตอบสนองการขอความช่วยเหลือของยูเอ็นเอชซีอาร์ในการต่อสู้กับโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 เงินทุนที่ไม่เฉพาะเจาะจงนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งในการมอบความช่วยเหลือ และสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ภาคสนามของยูเอ็นเอชซีอาร์เพื่อให้ความช่วยเหลือในวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 และตอบสนองต่อการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสในกลุ่มผู้ลี้ภัยและชุมชนที่ให้ที่พักพิง
“เราได้ขอความร่วมมือจากภาคเอกชน ในการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม จากทักษะ ความรู้และทรัพยากรของพวกเขาในการมอบความคุ้มครองกลุ่มคนที่เปราะบางมากที่สุด ซึ่งรวมถึงผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่น จากไวรัสโควิด19 เรารู้สึกขอบคุณบริษัทโซนี่อย่างใจจริงที่ให้การสนับสนุนการทำงานของยูเอ็นเอชซีอาร์เพื่อผู้ลี้ภัย และชุมชนที่ให้ที่พักพิง เงินทุนก้อนนี้ยังสามารถช่วยให้เราสนับสนุนการทำงานระดับชาติของหลายประเทศที่มีความพร้อมด้านระบบสาธารณะสุขน้อยกว่า นอกจากนี้ยังช่วยย้ำเตือนข้อเรียกร้องของเรา ในการรวมผู้ลี้ภัยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองด้านสาธารณสุขระดับประเทศ” เคลลี่ ที คลีเมนท์ รองข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติกล่าว
เงินบริจาคจำนวน 3 พันล้านบาท (100 million USD) จากโครงการ “Sony Global Relief Fund for COVID-19” จากโซนี่จะถูกนำมาใช้ในสามปัจจัยหลัก คือ การมอบความช่วยเหลือสำหรับบุคคลและองค์กรที่ทำงานเป็นด่านหน้าทางการแพทย์และเป็นหน่วยงานแรกที่เข้าให้ความช่วยเหลือ เช่น ยูเอ็นเอชซีอาร์ การช่วยเหลือนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาที่ต้องทำงานทางไกล และการช่วยเหลือสมาชิกของชุมชนที่ทำงานด้านความคิดสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมบันเทิง ซึ่งได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
ในงานเปิดโครงการดังกล่าว คุณเคนนิชิโร โยชิดะ ประธานและผู้บริหารโซนี่ คอร์ปอเรชั่นกล่าวว่า “ในการต่อสู้กับความท้าทายที่เราทุกคนในสังคมกำลังเผชิญในรูปแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ เราจะพยายามทำทุกอย่างที่เราทำได้ในฐานะบริษัทระดับโลก เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนบุคลากรแนวหน้าในการต่อสู้กับไวรัสโควิด 19 เพื่อเด็กที่เป็นอนาคตของพวกเรา และเพื่อชุมชนที่ทำงานด้านการสร้างสรรค์ที่ได้รับผลกระทบ”
วันที่ 26 มีนาคม 2563 ยูเอ็นเอชซีอาร์แถลงการณ์ว่าต้องการงบประมาณกว่า 7.8 พันล้านบาท (US$255 million) โดยมุ่งเน้นการช่วยเหลือไปยังประเทศที่มีความต้องการเป็นอันดับต้นๆ เพื่อรับมือกับโรคระบาดดังกล่าว ถึงแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด19 ในผู้ลี้ภัยยังมีจำนวนไม่มาก แต่มากกว่าร้อยละ 80 ของผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นทั่วโลก พักพิงอยู่ในประเทศที่มีรายได้ปานกลางถึงรายได้ต่ำ และมีความพร้อมด้านสาธารณสุข สุขอนามัยและน้ำสะอาดที่ไม่เพียงพอ ยูเอ็นเอชซีอาร์ยังคงทำงานในพื้นที่เพื่อมอบความช่วยเหลือ แต่เรายังต้องการงบประมาณและความช่วยเหลือเพื่อดำเนินการด่วนที่สุด
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 โซนี่ คอร์ปอเรชั่น สนับสนุนการทำงานของยูเอ็นเอชซีอาร์เพื่อผู้ที่ถูกบังคับให้หนีออกจากบ้าน จากสงครามและการประหัตประหารเสมอมา โดยโซนี่ คอร์ปอเรชั่นร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนยูเอ็นเอชซีอาร์ ร่วมบริจาคโสตทัศนูปกรณ์ให้กับประเทศแอฟริกา รวมไปถึงให้การสนับสนุนในกิจกรรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้ เช่น การสนับสนุนงานเทศกาลภาพยนต์ผู้ลี้ภัยของยูเอ็นเอชซีอาร์ในปี พ.ศ.2550-2562 และงานวิ่งมาราธอนการกุศลโดยมีพนักงานของทางบริษัทเข้าร่วมทำกิจกรรมด้วย
โซนี่ คอร์ปอเรชั่นเป็นบริษัทที่สร้างสรรค์ความบันเทิงด้วยรากฐานทางเทคโนโลยีที่มั่นคง ตั้งแต่เกมส์ ไปจนถึงการให้บริการเครือข่ายความบันเทิงเช่น เพลง ภาพยนตร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การพัฒนาสารกึ่งตัวนำและธุรกิจด้านการเงิน จุดมุ่งหมายของโซนี่คือการแต่งแต้มอารมณ์ให้โลกใบนี้ด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.sony.net/
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์เป็นหน่วยงานระดับโลกที่ทำงานเพื่อช่วยชีวิต มอบความคุ้มครอง และสร้างอนาคตที่ดีขึ้นให้กับผู้ที่ถูกบังคับให้หนีจากสงครามและการประหัตประหาร เรามอบสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่นที่พักพิง อาหาร น้ำสะอาด ปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐาน และร่วมหาทางออกที่ยั่งยืนเพื่อให้ทุกคนมีที่พักพิงที่ปลอดภัย เราใช้ความรู้และความชำนาญในการปกป้องและดูแลผู้คนหลายล้านคน ในพื้นที่มากกว่า 130 ประเทศทั่วโลก
Share on Facebook Share on Twitter
