“ช่วงเวลาแห่งแสงสว่าง” กับตะเกียงพลังงานแสงอาทิตย์จากยูเอ็นเอชซีอาร์

ในยามค่ำคืน หมู่บ้านพฤกษา 3 อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี มืดมิดจนแทบไม่เห็นว่ายังมีชาวบ้านกว่า 800 ชีวิตอาศัยอยู่ พวกเขาถูกห้อมล้อมด้วยน้ำที่ท่วมสูงกว่า 1 เมตร และไม่มีไฟฟ้าใช้เป็นกว่า 1 เดือน ตะเกียงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ยูเอ็นเอชซีอาร์แจกถึงมือพวกเขาในวันนี้ จึงเปรียบเหมือนแสงสว่างที่นำทางพวกเขาฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้ไปได้

“ชาตินี้เกิดมาเพิ่งจะเจอน้ำท่วมแบบนี้ ครอบครัวก็อยู่กันครบ ไม่รู้จะไปไหน กลางคืนก็ใช้เทียน ใช้ประทัดจุดให้มันดังปั๊งๆให้รู้ว่ามีคนอยู่...เมื่อมีตะเกียงก็ไม่ต้องใช้เทียนแล้ว” นาย สุรศักดิ์ สุขเจริญ ผู้พักอาศัยในหมู่บ้านกล่าว

สำหรับน.ส.นิตยา อายุ 17 ปี เธอต้องละทิ้งการเรียนกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวดูแลพ่อ แม่ และหลาน ตะเกียงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้รับจะช่วยให้เธอป้องกันครอบครัวจากสัตว์ร้าย หรืออันตรายที่มากับความมืดได้ “กลางคืนก็กลัวงู จระเข้ ตะกวด ยุง ขโมย นี่ไม่ได้ไปโรงเรียนเลย” น.ส. นิตยา กล่าว

ยูเอ็นเอชซีอาร์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจคนไทย และประเทศไทยที่ให้ที่พักพิงแก่ผู้ลี้ภัยเกือบ 100,000 คนในค่ายเป็นเวลากว่า 27 ปี โดยบริจาคเงิน 1.5 ล้านบาท และบริจาคตะเกียงพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 5,000 ชุดมูลค่า 7.5 ล้านบาท เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครั้งนี้

“อุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์นี้ ได้ทำให้คนไทยมากมายได้รับประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกับผู้ลี้ภัย พวกเขาต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตนเป็นเวลากว่าเดือน เราขอยืนหยัดที่จะอยู่เคียงข้าง และมั่นใจว่าประเทศไทยผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้” มร.เจมส์ ลินช์ ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย

ยูเอ็นเอชซีอาร์ เลือกที่จะมอบตะเกียงพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากช่วยคุ้มครองผู้ประสบภัยในเวลากลางคืน และตะเกียงยังส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ประสบภัยอีกด้วย

“กลางวันมีพระอาทิตย์ กลางคืนมีตะเกียงจากยูเอ็นเอชซีอาร์แค่นี้ก็อุ่นใจ เปรียบเสมือนได้พระอาทิตย์ตอนกลางคืน” ผู้ใหญ่บ้าน อ.บางบัวทอง กล่าวอย่างมีความหวัง ภายหลังต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความมืดและช่วยเหลือชาวบ้านเป็นเวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือน

ยูเอ็นเอชซีอาร์จะร่วมกับกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยแจกจ่ายตะเกียงพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติมใน จ.ปทุมธานี และลพบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบอุทกภัยที่ไม่มีไฟฟ้าต่อไป