Skip to main content

ภาษา

 

บทสัมภาษณ์ บ.เสื้อผ้ายักษ์ใหญ่ช่วยผู้ลี้ภัยแบบไม่เหมือนใคร

ยูกิฮิโร นิตตา รองประธานอาวุโส บ.ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด

 

เจนีวา 18 ม.ค. (ยูเอ็นเอชซีอาร์)—ยูเอ็นเอชซีอาร์ให้คุณค่าต่อความสัมพันธ์ที่มีกับพันธมิตรด้านธุรกิจ ซึ่งมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการสร้างรากฐานให้กับการระดมทุนภาคเอกชน ยูเอ็นเอชซีอาร์พัฒนาความร่วมมือกับยูนิโคล่ ร้านขายเสื้อผ้าชั้นนำที่มีสาขาทั่วโลกในรูปแบบที่ตื่นเต้นช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในตอนต้น ยูนิโคล่แจกจ่ายเสื้อผ้าที่ได้รับบริจาคให้กับผู้ลี้ภัยในค่าย ลูกค้าสามารถนำเสื้อผ้าที่ไม่ใช้มาบริจาคได้ที่ร้านยูนิโคล่ จากนั้นเราจะแบ่งแยกตามความต้องการ และคำนึงถึงวัฒนธรรมก่อนที่จะนำไปแจกจ่ายแก่ผู้ลี้ภัยต่อไป นอกจากนั้น ยูนิโคล่ทำงานร่วมกับผู้มีชื่อเสียงออกแบบเสื้อยืดที่มีข้อความพิเศษสำหรับผู้ลี้ภัย ยูนิโคล่จะทำงานร่วมกับลอร่า แอชลี่ในปีนี้เพื่อขยายขอบเขตของโครงการ และในปีที่แล้ว ยูเอ็นเอชซีอาร์และยูนิโคล่ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือครั้งใหม่เพื่อพัฒนาการทำงานร่วมกันมากขึ้น เซซิล ปูยี เจ้าหน้าที่ฝ่ายระดมทุนของยูเอ็นเอชซีอาร์ได้พูดคุยกับยูกิฮิโร นิตตา ผู้บริหารระดับสูงของยูนิโคล่ หรือ บ.ฟาสต์ รีเทลลิ่ง ที่เมืองเจนีวา รองประธานอาวุโสมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจเพื่อสังคม บทสัมภาษณ์บางส่วนมีดังนี้

รบกวนเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงร่วมระหว่างยูเอ็นเอชซีอาร์ และยูนิโคล่

เท่าที่ผ่านมาเราได้บริจาคเสื้อผ้าให้แก่ผู้ลี้ภัยโดยร่วมมือกับยูเอ็นเอชซีอาร์ ในอนาคต เราต้องการที่จะขยายความสัมพันธ์ในด้านอื่นๆ อาทิ การฝึกงาน การบริจาคเงิน และโครงการการกุศลอื่นๆ

อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเริ่มต้นความร่วมมือในครั้งนี้

พันธกิจของเราคือการผลิต และจำหน่ายเสื้อผ้าลำลองให้แก่ผู้คนทั่วโลก เราผลิตและขายเสื้อผ้า 600 ล้านชิ้นต่อปี ดังนั้น จะต้องมีเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วมากมาย เราจึงเริ่มรวบรวมเสื้อผ้าเก่าตั้งแต่ปีพ.ศ. 2549 และพบว่าร้อยละ 90 ยังใหม่ และยังไม่ได้ใช้งาน เราเริ่มมองหาหน่วยงานที่จะช่วยเราแจกจ่ายเสื้อผ้า เราจึงติดต่อสำนักงานยูเอ็นเอชซีอาร์ในโตเกียว และพวกเขาก็กระตือรือร้นที่จะช่วยเราแจกจ่ายเสื้อผ้าให้แก่ผู้ลี้ภัยทั่วโลก คนในค่ายผู้ลี้ภัยเข้าถึงน้ำ อาหาร และการรักษาพยาบาล แต่ยังไม่มีเสื้อผ้าเพียงพอให้แก่ทุกคน

โครงการรีไซเคิลครั้งนี้ประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน

จนถึงปัจจุบันเราได้แจกจ่ายเสื้อผ้ากว่า 5 ล้านชิ้นแก่ผู้ลี้ภัย ในปีพ.ศ. 2555 เราวางแผนจะแจกให้ได้ถึง 10 ล้าน ภายในเวลา 5 ปี เราหวังว่าจะรวบรวมให้ได้ 43 ล้านชิ้นเพื่อผู้ที่ (ถูกบังคับ)ให้พลัดถิ่นทั่วโลกจะได้รับเสื้อผ้าคนละ 1 ชิ้น เสื้อผ้าที่คนชื่นชอบจะเป็นพวกแจ็คเก็ต และเสื้อกันหนาว ข้อดีของเสื้อผ้าพวกนี้คือซักง่าย และแห้งเร็ว

ช่วยเล่าถึงโครงการฝึกงานสำหรับผู้ลี้ภัยหน่อยค่ะ

ที่ญี่ปุ่น ผู้ลี้ภัยที่เรียนในมหาวิทยาลับสามารถฝึกงานที่ร้านของเราได้เป็นเวลาสองสัปดาห์ เราหวังว่าจะขยายโครงการรับนักศึกษาฝึกงานให้ได้ถึง 50 คน รวมทั้งร้านยูนิโคล่ทั่วโลกด้วย

ในปีแรกของโครงการเรารับนักศึกษาฝึกงานได้ 4 คน เป็นชาวเวียดนาม 1 คน อีก 3 คนมากจากประเทศพม่า เรามอบประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้พวกเขา สอนให้เขาเข้าใจธุรกิจ การบริหารจัดการ และทักษะการทำงานเป็นทีมในร้านของเรา พวกเขายังเป็นนักศึกษาอยู่ แต่มีสองคนเข้ามาทำงานชั่วคราว (Part time) กับเรา

แล้วคุณทำให้พนักงานของคุณรับรู้เกี่ยวกับผู้ลี้ภัยอย่างไร

เราได้ส่งพนักงานประจำของเราไปเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยที่ยูเอ็นเอชซีอาร์ดูแลในประเทศเนปาล (ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยูนิโคล่เคยแจกเสื้อผ้า) สิ่งที่เราต้องการคือให้พวกเขาเข้าใจว่าเสื้อผ้าช่วยผู้ลี้ภัยในเนปาลอย่างไร และหากเป็นไปได้ ความรู้ที่ได้จะนำไปใช้ในการวางแผนโครงการธุรกิจเพื่อสังคมใหม่ๆต่อไป ตอนนี้ เราทำธุรกิจเพื่อสังคมในประเทศบังคลาเทศ หมายความว่า เราผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าในราคาที่ต่ำมากสำหรับคนที่ยากจนที่สุด ผมคิดว่าสถานการณ์ผู้ลี้ภัย และคนยากจนมีความคล้ายคลึงกัน สิ่งนี้จะช่วยส่งเสริมธุรกิจเพื่อสังคม พนักงานของเราหลายคนสนใจที่จะเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัย และเราหวังว่าจะส่งพนักงานอีกหลายคนไปเยี่ยมค่ายในอนาคต

เดือนต.ค.ปีที่แล้ว ยูนิโคล่บริจาคเงิน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ (60 ล้านบาท) ให้ยูเอ็นเอชซีอาร์เพื่อช่วยวิกฤติในโซมาเลีย อะไรเป็นแรงจูงใจของคุณ

เราได้ข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ในโซมาเลียอย่างมากในญี่ปุ่น รวมทั้งภาวะอดอยากในภูมิภาคนั้น (ร้ายแรงที่สุดในรอบ 50 ปี) มร.ทาดาชิ ยาไน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร รู้สึกกังวลใจอย่างยิ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ แน่นอนว่าเสื้อผ้าเราช่วยคนได้ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เงินบริจาคมีความสำคัญมากกว่า

คุณคาดว่าจะเกิดโครงการใหม่ๆจากความร่วมมือในครั้งนี้หรือไม่

จากการประชุมที่เจนีวากับยูเอ็นเอชซีอาร์ เราได้ปรึกษาถึงความเป็นไปได้ในการทำงานร่วมกับบริษัทอื่น เช่น ยูพีเอส และอิเกีย การพัฒนาความร่วมมือกับองค์กรนานาชาติ องค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) และบริษัทอื่นๆ เป็นสิ่งสำคัญกับเราในการสร้างเครือข่าย และให้การสนับสนุนผู้ลี้ภัยได้มากขึ้น

คุณคิดว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่รับรู้เกี่ยวกับผู้ลี้ภัยหรือไม่

ไม่ พวกเขายังไม่ค่อยห่วงเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เราเริ่มโครงการในปีพ.ศ. 2549 มีคนญี่ปุ่นมากขึ้นรับรู้เกี่ยวกับผู้ลี้ภัย เรารวบรวมเสื้อผ้าได้ 4 ล้านชิ้นในปีที่แล้ว ถ้าโดยเฉลี่ยลูกค้านำเสื้อผ้ามาคนละ 10 ชิ้น ก็หมายความว่า เสื้อผ้าจำนวน 400,000 ได้ถูกนำมากลับมาที่ร้านของเรา คนทั่วไปตอบรับอย่างดี เรายังช่วยให้คนรับรู้มากขึ้นผ่านเวบไซต์ และแผ่นพับอีกด้วย