Skip to main content

ภาษา

 

ความปิติสุขโดยไม่คาดฝันจากการได้พบกับแองเจลิน่า โจลี

ลีน่ายืนอยู่หน้าบ้านใหม่ พร้อมถือรูปของเธอและมาร่าที่ถ่ายกับแองเจลิน่า โจลี

 

เมืองโรกาทิคา ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่า (ยูเอ็นเอชซีอาร์) - เดือนเมษายนปีที่แล้ว นางลีน่า บาบิค ได้ถ่ายรูปกับดาราฮอลลีวูด แองเจลีน่า โจลี ในอาคารทรุดโทรมที่เป็นสถานที่ลี้ภัยที่เธอพำนักมาหลายปี

ต้องขอบคุณในความกรุณาของผู้บริจาคทั้งหลายที่เห็นภาพอันน่าสะเทือนใจนี้ในข่าวทั่วโลก หญิงชราวัย 78 ปี และ มาร่าน้องสาววัย 73 ปี จึงได้มีโอกาสย้ายมาอยู่ในห้องพักสมัยใหม่ในอาคารที่สร้างใหม่เมื่อต้นเดือนนี้

 “ฉันรู้สึกเหมือนฝัน” หญิงชราร่างเล็กกล่าว เธอยิ้มขณะที่ถือรูปถ่ายอันมีค่าซึ่งเป็นของที่ระลึกจาก ทูตสันถวไมตรีของยูเอ็นเอชซีอาร์ อยู่ด้านหน้าอาคารหลังใหม่ซึ่งก่อสร้างด้วยเงินช่วยเหลือจากประเทศสหรัฐอเมริกา

“เราแปลกใจที่เรามีแขกมาเยี่ยมในวันอีสเตอร์ปีที่แล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราฉลองเทศกาลกันตามลำพัง วันอีสเตอร์นั้นจึงเป็นแค่เพียงวันอีกวันหนึ่ง” เธอรำลึก “ใครจะคิดว่าวันนั้น เวลานั้น จะเปลี่ยนชีวิตของเราไปทั้งชีวิต”

นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่ายินดีนับตั้งแต่เกิดการแบ่งแยกดินแดนจากอดีตยูโกสลาเวียในช่วง ปี พ.ศ. 2533-2542 ที่ชีวิตของ ลีน่า มาร่า และประชาชนผู้บริสุทธิ์อีกนับหมื่นคนที่ต้องเผชิญกับความโหดร้าย

พวกเธอลี้ภัยมาจากหมู่บ้านในชุมชนเทศบาลโกราซด์เมื่อปี พ.ศ.2535 เพื่อเดินทางไปประเทศเซอร์เบีย หลังจากนั้นพวกเธอเดินทางมาที่เมืองโรกาทิคาในปี พ.ศ.2539 และลงเอยด้วยการอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงรวมในอาคารเก่าซึ่งเคยเป็นโรงเรียนและเปลี่ยนเป็นห้องสมุด ผู้อาศัยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่ไม่สามารถกลับไปยังบ้านเกิดของตนเองสมัยก่อนสงครามได้

ยังมีอีก 11 คนที่ได้ย้ายไปอยู่ในที่ห้องพักใหม่ในช่วงเวลาเดียวกันกับลีน่าและมาร่า ห้องพักใหม่ที่ตกแต่งแล้วมีทุกอย่างที่ไม่มีในบ้านหลังเก่า ที่นี่มีระบบทำความอบอุ่น ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งยังมีเตาอบ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า

ทุกคนที่ได้ที่อยู่ใหม่ต่างยินดีและขอบคุณที่โจลีได้นำเรื่องราวชีวิตของพวกเขาบอกต่อชาวโลก เมื่อเธอและสามีนักแสดง แบรด พิตต์ มาเยี่ยมพวกเขาในปีก่อน ตอนนี้พวกเขาได้มีที่พักอาศัยไปตลอดชีวิตในอาคารของเทศบาล

กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาได้บริจาคเงินจำนวน 500,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 15 ล้านบาทเพื่อสร้างอาคารแห่งใหม่และเพื่อให้มีการปิดศูนย์พักพิงรวมแห่งเก่า ซึ่งเป็นหนึ่งใน ศูนย์พักพิงของผู้ลี้ภัย 150 ศูนย์ในประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่า ที่ๆรัฐบาลใช้เพื่อดูแลและหาทางออกให้ชาวบอสเนียจำนวน 113,000 คนที่พลัดถิ่น และผู้ลี้ภัยชาวโครเอเชียอีกจำนวน 7,000 คน ในบรรดานี้มีชาวบอสเนียจำนวน 8,600 คนยังคงอยู่ที่ศูนย์พักพิงรวม

ปีที่แล้ว ทางการบอสเนียดำเนินนโยบายใหม่เพื่อหยุดการพลัดถิ่นในประเทศ การเปิดอาคารหลังใหม่จะช่วยให้นโยบายนี้สัมฤทธิ์ผล

“เราต้องมุ่งความสนใจไปที่ความต้องการเร่งด่วนของกลุ่มคนที่บอบบางเหล่านี้ และต้องทำงานร่วมกันเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาที่ปฏิบัติได้ เช่นวิธีการนี้ ซึ่งเป็นการสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับพวกเขา” นาย แอนดรูว์ เมน ผู้รักษาการแทนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่า

ในวันที่อากาศหนาวเย็นในฤดูใบไม้ร่วง เอคอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา นาย แพทริค มูน เป็นประธานในพีธีเปิดงาน ร่วมกับ ผู้แทนองค์กรต่างๆ ที่ร่วมสนับสนุนโครงการนี้ รวมถึง เทศบาลเมืองโรกาทิคา กระทรวงผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นสาธารณรัฐเซิร์บสกา และองค์การด้านสุขภาพของประเทศออสเตรีย

หลังได้รับกุญแจบ้านพักหลังใหม่ ลีน่ากล่าวว่า “นี่เหมือนเรื่องในนิยาย”

โดย มิน่า ยาซาเรวิค และ สก็อตต์ โพล ในเมืองโรกาทิคา ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่า

แปลโดย นส. เมวลิน เฟื่องสวัสดิ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: http://www.unhcr.or.th/th/news/general/290