Skip to main content

ภาษา

 

ผู้หญิง

นอ เล พอว์

“เหตุการณ์ตอนนั้นโหดร้ายทารุณมาก พี่ชายฉันถูกจับไปทำร้าย โดนซ้อมจนเลือดออกจากปากแล้วก็ตายไป น้องชายคนเล็กก็เหมือนกัน เขาตายเพราะหลบซ่อนในป่าแล้วโดนจับได้ เลยถูกทำร้ายจนตาย พ่อและแม่ของฉันตรอมใจตายเมื่อเห็นลูกชายแต่ละคนต้องล้มหายตายจากกันไป ส่วนพี่ชายคนโตของฉันรอดมาได้ เขาเล่าว่าถูกมัดมือ มัดเท้า ถูกซ้อมตลอดเวลา แล้วก็ให้เป็นลูกหาบ หาทางหนีมาได้เขาก็มาที่นี่เลย เขาผอมไปเยอะเลย” นอ เล พอว์เล่าเรื่องราวอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอพร้อมทั้งน้ำตา เธอ และสามีพร้อมลูกๆอีก 3 คน เดินเท้าออกจากหมู่บ้าน หลบซ่อนตัวตามป่าเขาเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ กว่าจะถึงที่ค่ายผู้ลี้ภัย

 

 

 

เน พอร์

“สามีชั้นถูกบังคับให้เป็นแรงงานทาส เขาทำงานหนักจนป่วยมากและเป็นโรคกระเพาะอยู่แล้ว วันนั้นเขาไปทำไม่ไหวจึงหลบอยู่ในบ้าน แต่ทหารมาตามให้เขาไปทำงาน พอเขาลุกไม่ไหว เขาก็โดนซ้อมจนเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาฉัน” เน พอร์เล่าถึงวันที่ต้องเสียสามีอย่างไม่มีวันกลับ

 

 

 

นอ ทู

“สามีของฉันถูกฆ่าเสียชีวิต” นอทู(ซ้าย) วัย 38 ปี ลี้ภัยพร้อมลูกๆทั้ง 5 คน และอาศัยในค่ายผู้ลี้ภัยมาได้ 9 ปีแล้ว เธอชอบเย็บเสื้อผ้าพื้นเมือง เธอบอกว่าตอนนี้เธอไม่ได้มีความหวังอะไรกับอนาคตข้างหน้า แค่ตอนนี้เธอ และลูกๆได้อยู่กันอย่างปลอดภัย ไม่ต้องอยู่อย่างหวาดกลัวเหมือนเดิมก็เพียงพอแล้ว

 

 

 

ซูซูมอน

“พวกเขาคว้ามือฉัน แล้วพูดว่า “ฉันชอบเธอ ฉันอยากจะมีอะไรกับเธอ ตามฉันมา” ทันใดนั้น พ่อ และสามีของฉันก็รีบเข้ามาห้าม เราคุกเข่าขอร้องให้เขาไว้ชีวิตพวกเธอ ในที่สุดพวกเขาก็ยอมหยุด แต่โกรธมาก และขู่ว่าจะกลับมาทำร้ายครอบครัวของเราอีก” ซู ซู มอน และครอบครัวจึงตัดสินใจหนีออกจากหมู่บ้านทันทีโดยใช้เวลาเดินเท้า 10 วันจึงเดินทางถึงเมืองไทย ปัจจุบันเธอ และแม่ต้องดูแลพ่อที่ป่วยเป็นวัณโรค รวมทั้งสามี และลูกอีก 3 คนเมื่อถามถึงสภาพความเป็นอยู่ของเธอ ซู ซู มอน ก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

 

 

เต เมห์

“มีการใช้แรงงานทาส การข่มขืน เพื่อนเราหลายคนเสียชีวิตจากการถูกทำร้าย ฉันกลัวว่าเราจะเป็นคนต่อไป ฉันและสามีต้องลี้ภัยตอนกลางคืนที่ยุงชุม และเราก็ติดเชื้อมาเลเรีย” เต เมห์ลี้ภัยมาประเทศไทยเมื่อ 11 ปีที่แล้ว เนื่องจากความหวาดกลัวในสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา “ตอนที่ฉันติดเชื้อมาลาเรีย มันทรมานมาก กินไม่ได้ เดินก็ลำบากมาก ฉันใช้เวลานานมากที่จะกลับมาดีขึ้น และฉันรู้สึกป่วยอยู่จนถึงทุกวัน

 

 

ซอ คึ

“วันนั้นเราได้ยินว่ามีการสู้รบเกิดขึ้นที่หมู่บ้านข้างๆ ทุกคนบอกให้หนี เพราะถ้าอยู่ต้องตายแน่ๆ ตอนนั้นลูกๆฉันยังเล็กมาก พวกแกอายุแค่ 6 ขวบ 3 ขวบ และคนเล็กสุดแค่ 6 เดือนเท่านั้น การลี้ภัยทั้งครอบครัวนั้นช่างยากลำบาก ฉันอุ้มคนเล็กตลอดเวลา และให้อีกสองคนทั้งวิ่งทั้งเดิน ส่วนพี่สาวช่วยพยุงแม่ เพราะกลัวแกหกล้ม สามีฉันแบกของ และคอยดูแลพวกเรา เราเดินเท้าข้ามภูเขาเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ตอนอยู่ในป่า เรายังได้ยินเสียงคนตามเราอยู่เรื่อยๆ พวกเรากลัวมาก” ซอ คึ (ขวา) เล่าด้วยแววตาหวาดกลัวเหมือนเหตุการณ์กำลังเกิดขึ้นจริง