Skip to main content

ภาษา

 

UNHCR ยกระดับความช่วยเหลือทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศซีเรีย

 

 

UNHCR ยกระดับความช่วยเหลือทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศซีเรีย

Displaced Syrians, who fled their homes in the border town of Ras al-Ain, receive humanitarian aid on October 12, 2019, in the town of Tal Tamr in the countryside of Syria’s northeastern Hasakeh province.  © UNHCR/Delil Souleimanผู้พลัดถิ่นชาวซีเรีย หนีจากบ้านในเมืองบริเวณชายแดนได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในวันที่ 12 ตุลาคม ที่ผ่านมา © UNHCR/Delil Souleiman



นับตั้งแต่การต่อสู้ที่รุนแรงขึ้นทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา  UNHCR มอบความช่วยเหลือแล้วกว่า 60,000 คน

ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย UNHCR มอบความช่วยเหลือและสิ่งของบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินแล้วกว่า 30,000 ครอบครัว หรือราว 60,000 คน ตัวเลขล่าสุดวันที่ 23 ตุลาคม UNHCR มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์เพื่อปกป้องพวกเขาในฤดูหนาวแล้วกว่า 7,400 ครอบครัว (มากกว่า 31,000 คน) ในค่ายที่พักพิง Al-Hol, Areesha, Ein Issa (ก่อนปิดทำการ), Roj และ Mahmoudli ซึ่งจำนวนนี้มากกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนประชากรทั้งหมดทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย เรายังวางแผนเพื่อมอบความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้ครอบคลุม 92,000 คน ทั้งผู้ที่เดินทางมาถึงใหม่และผู้ที่พักพิงอยู่ในค่ายก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน UNHCR ยังให้ความช่วยเหลือแก่ผู้พลัดถิ่นและสมาชิกชุมชนที่ให้ที่พักพิงในเมืองรวมถึงในที่พักพิงชั่วคราวกว่า 5,500 ครอบครัวหรือราว 28,700 คน เราได้เข้าถึงผู้พลัดถิ่นราวร้อยละ 25 ใน 79 พื้นที่ในเมือง Al-Hassakeh, Malikeyeh และ Qamishli

เราทำงานร่วมกับองค์กรพันธมิตรเพื่อมอบความคุ้มครองและความช่วยเหลือในพื้นที่อย่างต่อเนื่องในเมือง Al-Hassakeh Tal Tamer และ Ar-Raqqa มีรายงานว่าครอบครัวผู้พลัดถิ่นที่เดินทางมาถึงใหม่พักพิงอยู่ในที่พักพิงของชุมชน เราทำงานเพื่อประเมิณความต้องการของพวกเขาด้วยเช่นกัน

หนึ่งในความต้องการด้านความคุ้มครองฉุกเฉินได้แก่เอกสารระบุตัวตน เนื่องจากผู้คนหนีออกจากบ้านโดยไม่มีเอกสารหรือสิ่งของอื่นๆ ติดตัวมาด้วย หลายครอบครัวต้องพลัดพรากจากกัน

หลายคนต้องการคำปรึกษาด้านจิตวิทยาและการฟื้นฟูจิตใจ UNHCR ระดมทีมด้านความคุ้มครองเพื่อเข้าถึงและระบุความต้องการของกลุ่มที่เปราะบางมากที่สุด รวมถึงกลุ่มคนที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ป่วยหนัก

จากรายงานการเคลื่อนย้ายฝ่ายปฏิบัติการจากค่าย Ain Issa ซึ่งห่างออกไปจากเมือง Tell Abiad ราว 45 กิโลเมตร จากทางตอนใต้ของชายแดน UNHCR ระดมอาสาสมัคร ผู้นำชุมชนทั่วพื้นที่เพื่อเตรียมการการส่งคืนเอกสารระบุตัวตนแก่ผู้ที่พักพิงในค่ายที่ไม่มีเอกสาร จนถึงตอนนี้นักมนุษยธรรมไม่สามารถเข้าพื้นที่ค่ายได้อย่างปลอดภัยเพื่อมอบความช่วยเหลือ โดยต้องหยุดมอบปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นเช่นอาหารและน้ำสะอาด

UNHCR ประมาณการว่าต้องการงบประมาณเบื้อต้นเพิ่มเติมจากสถานการณ์ในซีเรียปัจจุบัน 31.5 ล้านดอลลาร์  ซึ่งเป็นงบประมาณสำหรับการพัฒนาในพื้นที่อย่างรวดเร็ว

จำนวนผู้พลัดถิ่นจากทางตะวันออกฉียงเหนือของประเทศซีเรียเพิ่มสูงขึ้นเป็น 180,000 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กเกือบ 80,000 คน โดย 150,000 คน ยังคงพลัดถิ่นขณะที่อีกกว่า 43,000 คน เดินทางกลับไปยังพื้นที่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาแต่สถานการณ์ยังคงรุนแรง บริการและระบบสาธารณูปโภคถูกทำลายและความต้องการการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ราว 10,000 คน เดินทางจากทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียข้ามชายแดนไปยังประเทศอิรักและยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง 1,700 คน เดินทางข้ามชายแดนมาถึงเพียงชั่วข้ามคืน 3 ใน 4 เป็นเด็กและผู้หญิงบางคนเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อแม่หรือพลัดพรากจากครอบครัว พวกเขาหนีออกมาท่ามกลางการต่อสู้ด้วยความหวาดกลัว เดินทางหลายวันจากบริเวณ Kobani, Amoda และ Qamishli รวมถึงหมู่บ้านโดยรอบข้ามชายแดนเพื่อแสวงหาที่พักพิงที่ปลอดภัย หลายคนต้องการความช่วยเหลือด้านการแพทย์ รวมถึงการฟื้นฟูจิตใจที่บอบช้ำหลังต้องเผชิญกับความรุนแรงในการต่อสู้และความสูญเสียโดยเฉพาะเด็กๆ

ในอิรัก UNHCR ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและองค์กรพันธมิตรเพื่อสร้างค่ายที่พักพิงแห่งใหม่ในเมืองDohok ที่ตอนนี้เป็นที่พักพิงแก่ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียกว่า 8,000 คน จากสถานการณ์ล่าสุดทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย UNHCR มอบความคุ้มครองและพาครอบครัวผู้ลี้ภัยเดินทางจากชายแดนมายังที่พักพิง เรามอบเต็นท์ที่พักพิง อาหารร้อน น้ำสะอาด ผ้าห่ม และสิ่งของบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์และฟิ้นฟูจิตใจ

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและUNHCR อยู่ในพื้นที่เพื่อประเมิณความต้องการและให้ความช่วยเหลือ

เจ้าหน้าที่ UNHCR ได้พูดคุยกับชายคนหนึ่งที่เดินทางมาพร้อมกับภรรยาและลูกๆ 6 คน เขาเล่าให้เราฟังว่าการเดินทางลำบากมาก พวกเขาต้องหนีด้วยความหวาดกลัวเนื่องจากมีระเบิดตกลงใกล้บ้าน เขาเห็นผู้คนหนีไปทุกทางรวมถึงทางที่จะข้ามชายแดนมายังประเทศอิรัก

UNHCR และองค์กรพันธมิตรยังทำงานในพื้นที่เพื่อมอบความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

เนื่องจากยังมีผู้ลี้ภัยเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าค่ายผู้ลี้ภัย Bardarash ภายในสัปดาห์หน้าจะไม่สามารถรองรับผู้ลี้ภัยได้อีก UNHCR กำลังพูดคุยและเจรจากับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพื่อหาสถานที่สร้างที่พักพิงเพิ่มเติม