Skip to main content

ภาษา

ดอย หลิงกับลูกชายของเธอ ©UNHCR/M.Savary

เรื่องของดอย หลิง ผู้เป็นแม่ที่เข้มแข็งและผู้พลัดถิ่นในประเทศตนเอง

ดอย หลิงวัย 31 คุณแม่ของลูก 5 คน อาศัยอยู่ในค่ายผู้พลัดถิ่นในประเทศพม่าเกือบสองปีมาแล้ว แต่เธอยังสามารถจดจำวันที่เธอจากบ้านมาได้ดีเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ มันยังเด่นชัดอยู่ในความทรงจำ ขณะที่ภาพเก่าๆหลั่งไหลผ่านเข้ามา น้ำตาก็ไหลรินอาบแก้มของเธอ

“เรารู้ว่าพวกทหารเข้ามาใกล้แล้วตอนเราได้ยินเสียงปืน ตอนนั้นเรารู้เลยว่าเราไม่มีเวลาแล้ว ฉันอุ้มลูกชายคนเล็กและบอกให้ลูกคนโตๆตามฉันมา ไม่มีเวลาที่คิดว่าจะเก็บของอะไรบ้าง เราก็เลยไม่ได้มีเวลาติดตัวมามาก ฉันเก็บอะไรก็ตามที่คว้ามาได้ใส่กระเป๋า เสื้อผ้าของลูกๆก็ไม่ได้เอามามาก”

ดอย หลิงก็เหมือนคนอื่นๆในค่าย “เราหนีออกจากหมู่บ้านมาด้วยจักรยาน รถมอเตอร์ไซค์ หรือไม่ก็รถยนต์ บางคนไม่มีทางเลือกจนต้องเดินเท้าเอา พอได้ยินเสียงปืนเราก็หนีทันที ได้เสื้อผ้ามาไม่กี่ตัว” ผู้หญิงอีกคนเล่า “สิ่งที่ได้ติดตัวมาจริงๆก็คือเสื้อผ้าที่เราใส่มา เราเอาของมาได้น้อยมากเพราะไม่คิดว่าจะต้องอยู่นานขนาดนี้” ดอย หลิงเล่า เธอยิ้มอย่างหวานอมขมกลืนขณะที่หวนรำลึกถึงบ้านที่จากมา

ความรุนแรงเกิดขึ้นในรัฐคะฉิ่นปะทุขึ้นอีกครั้งในเดือนมิถุนายน 2554 นั้นเป็นการสิ้นสุดข้อตกลงการหยุดยิงระหว่างรัฐบาลและองค์กรอิสระภาพแห่งคะฉิ่น (KIO)ที่ยาวนานกว่า 17 ปี ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2557 มีผู้พลัดถิ่นในประเทศกว่า 100,000 คนในรัฐคะฉิ่น กระจัดกระจายอยู่ตามค่าย 140 ค่ายและในหมู่บ้านต่างๆ

*นามสมมติเพื่อความปลอดภัย