ผู้สูงอายุ
หน่อ โอ จี
“เมื่อก่อนฉันมีอาชีพทำไร่ทำนา แต่ทหารมาที่บ้านและเอาผลผลิตของเราไปหมด พวกเขายังทำร้ายป้าของฉันที่กำลังตั้งท้องด้วยการให้เธอไปอยู่ในเครื่องตำข้าวเปลือก และทหารใช้เรื่องทุบร่างของเธอ ส่วนลุงของฉันก็ถูกมีดฟันที่ไหล่ ต่อมาฉันเห็นเพื่อนบ้านคนหนึ่งถูกข่มขืนต่อหน้าต่อตา ฉันเลยวิ่งหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิตและไปหลบในป่า และเดินมาที่ค่าย ฉันต้องทิ้งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นสามี ลูก ฉันคิดถึงพวกเขาเหลือเกิน” ตอนนี้คุณยายวัย 74 ปีใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง และนอกจากนี้เธอยังเส้นเลือดในสมองแตก และกลายเป็นผู้พิการ อัมพาตครึ่งซีก และป่วยเป็นโรคความดันและหอบหืดด้วย
บู เหม่
“วันนั้นมีการสู้รบที่หมู่บ้าน เราต้องรีบหนีมา เราคิดว่าจะอยู่ไม่กี่วัน แต่วันนี้กว่า 30 ปีแล้วที่ยังไม่เคยได้กลับบ้าน” บู เหม่และครอบครัวยอมเสียทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อโอกาสที่จะได้อยู่อย่างปลอดภัยและสงบเพื่อรอวันที่จะได้กลับบ้าน “การกลับบ้านดูเป็นฝันที่เลือนลาง สามีฉันฝันว่าจะได้กลับไปตายที่บ้าน แต่เขาก็รอไม่ไหว เสียชีวิตในค่าย และฉันต้องเป็นคนฝังเขาเอง”
มันนี่
“เราอาศัยอยู่หมู่บ้านในป่า ในวันนั้นเราถูกไล่ออกจากบ้าน มันน่ากลัวมากจริงๆ ฉันหนีมากับลูกทั้ง 5 คน เราเดินกว่า 10 วัน ลูกคนเล็กของฉันตอนนั้นอายุ 5 ขวบเท่านั้น และมีหลานที่อายุไม่กี่เดือนด้วย หนีกันอย่างยากลำบาก เรานอนบนผ้ายางในป่า กลัวทหารก็กลัว กลัวโรคมาลาเรียก็กลัว” มันนี่ต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเนื่องจากสามีของเธอไม่สบายและเสียชีวิต และอดทนสู้เพื่อลูกๆของเธอมาจนถึงทุกวันนี้