Skip to main content

ภาษา

Moo Ra Win

ชีวิตใหม่กับโครงการตั้งถิ่นฐานใหม่ของมูราวิน แม่เลี้ยงเดี่ยวผู้มีชีวิตอยู่เพื่อลูก

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 30 มิถุนายน (UNHCR)- เช้าวันฝนพรำในฤดูฝนอาจทำให้หลายคนหม่นหมอง แต่ไม่ใช่กับมูราวิน แม่เลี้ยงเดี่ยววัย 21 ปี และลูกทั้ง 2 คน เพราะพวกเขากำลังจะได้ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาภายใต้โครงการตั้งถิ่นฐานใหม่ที่เกิดขึ้นได้ด้วยความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องของผู้บริจาค

เจ้าหน้าที่ UNHCR เข้าเยี่ยมเยียน และพูดคุยกับมูราวิน แอเดมูคูพอล วัย 3 ขวบที่ค่ายผู้ลี้ภัยบ้านถ้ำหิน จังหวัดราชบุรี ©UNHCR/S. Bhukittikul
เจ้าหน้าที่ UNHCR เข้าเยี่ยมเยียน และพูดคุยกับมูราวิน แอเดมูคูพอล วัย 3 ขวบที่ค่ายผู้ลี้ภัยบ้านถ้ำหิน จังหวัดราชบุรี ©UNHCR/S. Bhukittikul

มูราวิน และครอบครัวเป็นชาวกะเหรี่ยงที่ลี้ภัยจากเขตเทือกเขาตะนาวศรี ประเทศพม่า มาที่ประเทศไทย เธอต้องพลัดพรากจากบ้านตนเองตั้งแต่เธออายุ 3 ขวบเนื่องจากสงคราม และความรุนแรงที่บ้านเกิด แม้ว่าเธอจะจำเหตุการณ์รุนแรงที่ทำให้เธอและครอบครัวต้องลี้ภัยไม่ได้ แต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ได้เปลี่ยนชีวิตทั้งหมดของเธอ เนื่องจากแม่เธอเสียชีวิตจากการคลอดลูกคนสุดท้าย เธอเติบโตในค่ายด้วยการเลี้ยงดูจากพ่อ ตาและยายของเธอเท่านั้น ต่อมาเธอได้พบรักกับกูทู สามี และมีลูกด้วยกัน 2 คน คือ แอเดมูคูพอล ลูกสาววัย 3 ขวบ และตะเกวทู ลูกชายวัย 2 ขวบ แต่ในที่สุดในเดือนพฤษภาคม ปีพ.ศ 2556 มูราวิน และสามีต้องแยกทางกัน มูราวินตัดสินใจเลี้ยงลูกๆของเธอเพียงลำพัง และกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวตั้งแต่นั้นมา

มูราวินกับแอเดมูคูพอล ลูกสาววัย 3 ขวบที่บ้านของพวกเขาในค่ายผู้ลี้ภัยบ้านถ้ำหิน จังหวัดราชบุรี ©UNHCR/P. Tonjunpong
มูราวินกับแอเดมูคูพอล ลูกสาววัย 3 ขวบที่บ้านของพวกเขาในค่ายผู้ลี้ภัยบ้านถ้ำหิน จังหวัดราชบุรี ©UNHCR/P. Tonjunpong

ชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวของลูกๆที่ยังเล็กถือว่าเป็นงานที่หนักมากสำหรับผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง นอกจากที่ต้องดูแลลูกๆแล้ว มูราวินยังต้องดูแลตาและยายของตนเองอีกด้วย ถึงแม้การเป็นผู้ลี้ภัยทำให้มูราวินไม่สามารถออกมานอกค่ายและทำงานได้ แต่เธอใช้ชีวิตในค่ายทุกนาทีอย่างมีค่าและมีชีวิตอยู่เพื่อลูกและครอบครัวเท่านั้น  มูราวินทำทุกอย่างที่จะทำได้เช่นรับจ้างเย็บหมอน ขายข้าวต้ม และหารายได้เล็กๆน้อยๆภายในค่ายเพื่อเลี้ยงลูกๆของเธอ มูราวินบอกว่าชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวแม้จะหนัก แต่เธอจะอดทนและสู้ต่อไปเพื่อลูกๆ

ชีวิตของมูราวินต้องเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อเธอได้ทราบข่าวเกี่ยวกับโครงการตั้งถิ่นฐานใหม่ของUNHCRเธอจึงตัดสินใจสมัครทันที ถึงแม้ว่าโครงการตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ไม่ใช่ทางเลือกที่ง่ายสำหรับชีวิตเธอแม้แต่น้อย แต่เพื่อครอบครัวเธอยอมที่จะเลือกทางนี้ “ชีวิตที่อเมริกาจะเป็นอย่างไรฉันยังไม่รู้ แต่ที่รู้คือลูกๆของฉันจะได้รับโอกาสที่ดีกว่านี้ ฉันรู้ว่าลูกๆจะได้เข้าโรงเรียน  และความหวังของฉันก็คือจะได้ทำงานและส่งเงินมาให้ตากับยายที่นี่”มูราวินกล่าว

ตะเกวทูวัย 2 ขวบกับคุณยายที่บ้านของพวกเขาในค่ายผู้ลี้ภัยบ้านถ้ำหิน จังหวัดราชบุรี ©UNHCR/P. Tonjunpong
ตะเกวทูวัย 2 ขวบกับคุณยายที่บ้านของพวกเขาในค่ายผู้ลี้ภัยบ้านถ้ำหิน จังหวัดราชบุรี ©UNHCR/P. Tonjunpong

ล่าสุด มูราวินและลูกๆทั้ง 2 ของเธอได้รับการตอบรับเพื่อไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะออกเดินทางวันที่ 6 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ “ฉันรู้สึกตื่นเต้น และดีใจ แต่ก็รู้สึกว่ายังไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ เพราะภาษาอังกฤษก็ยังพูดไม่ได้ แต่ฉันนึกถึงการศึกษาของลูก และโอกาสที่พวกเขาจะได้รับ และนี่คือสาเหตุที่ตัดสินใจไปตั้งถิ่นฐานในครั้งนี้” มูราวินบอกถึงเหตุผลในการตัดสินใจของเธอด้วยรอยยิ้ม

ปัจจุบันค่ายผู้ลี้ภัยถ้ำหินเป็นที่พักพิงให้กับผู้ลี้ภัยจำนวนกว่า 6,000 คน และตั้งแต่ปีพ.ศ. 2548-2556ด้วยการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของผู้บริจาค UNHCRได้ช่วยให้ผู้ลี้ภัยเกือบ 7,000 คนได้มีชีวิตใหม่ภายใต้โครงตั้งถิ่นฐานใหม่ประเทศที่ 3