Skip to main content

ภาษา

 

ผู้ลี้ภัยและผู้อพยพที่สิ้นหวังในเซอร์เบียกำลังเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวจัด

ฮาสรัต ผู้ลี้ภัยชาวอัฟกานิสถานอายุ 16 ปียืนข้างกองไฟด้านหลังสถานีรถไฟเมืองเบลเกรดเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย ©UNHCR/Daniel Etter

 

หน่วยงานเซอร์เบียร่วมกับ UNHCRและหน่วยงานพันธมิตรเพิ่มความช่วยเหลือเพื่อขยายความสามารถในการมอบที่พักพิงฉุกเฉินให้กับผู้ลี้ภัยหลายร้อยคนที่ต้องนอนอย่างหนาวเหน็บ

เบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย ผู้ลี้ภัยและผู้อพยพที่ต้องการย้ายจากที่พักพิงที่ไม่เหมาะสมในเมืองเบลเกรดได้ถูกส่งต่อไปยังที่พักพิงเร่งด่วนของทางรัฐบาลที่เปิดใหม่นอกเมืองเรียบร้อยแล้ว หลังจากกลุ่มผู้ลี้ภัยและผู้อพยพกว่า100คนต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานท่ามกลางอุณหภูมิติดลบและได้ขอความช่วยเหลือเพื่อส่งต่อมาก่อนหน้านี้

ด้วยความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ UNHCRรวมทั้งหน่วยงานด้านมนุษยธรรมในประเทศเซอร์เบียในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำให้ผู้ลี้ภัย ผู้ขอลี้ภัย และผู้อพยพร้อยละ 85 ในเซอร์เบียมีที่พักพิงที่อบอุ่นจากรัฐบาล โดยประมาณ 390 คนได้อาสาสมัครที่จะอาศัยในที่พักพิงชั่วคราวโอเบรโนแวค (Obrenovac)  ตั้งแต่หน่วยงานต่างๆได้เปิดให้เข้าใช้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามก็ยังมีผู้ลี้ภัยและผู้อพยพอีกประมาณ 1,000คนที่ต้องอาศัยอยู่อย่างไม่มีหลักแหล่งในโกดังด้านหลังสถานีรถไฟในเมืองเบลเกรดซึ่งเต็มไปด้วยควันไฟ ผู้ที่อาศัยอยู่ที่นั่นพยายามขจัดความหนาวโดยการเผาหมอนรองรางรถไฟเพื่อให้ความอบอุ่นอยู่ตลอดทั้วันทั้งคืนซึ่งทำให้เกิดควันพิษ ทำให้มีผู้คนหลายคนต้องทนทุกข์ทรมานจากการสูดควันพิษเข้าไปในร่างกาย และยังมีอีกหลายคนที่ผิวหนังถูกทำลายเพราะอุณหภูมิที่เย็นจัด

หน่วยงานในประเทศเซอร์เบียได้ร่วมมือกับ UNHCRและหน่วยงานพันธมิตรพยายามที่จะเพิ่มพี่พักพิงฉุกเฉินในเมืองโอเบรโนแวคเพื่อที่จะรองรับผู้คนที่อยากย้ายออกจากโกดัง และสำหรับผู้ที่ปฏิเสธข้อเสนอก่อนหน้านี้ ทาง UNHCR ได้มอบเสื้อผ้าใหม่ ผ้าห่ม เครื่องห่มนอน และอุปกรณ์ทำความสะอาดผ้าให้แก่พวกเขาแล้ว

“ในบางคืนมันหนาวมากจนขาของผมไร้ความรู้สึก แต่ผมก็ยังต้องข่มตานอนต่อไป”

 “ผมต้องจากโกดังเพราะว่าที่นั่นหนาวและสกปรกมาก” คิรามัด ซาฟี เด็กชายชาวอัฟกานิสถานอายุ 17 ปี กล่าว คิรามัดไม่มีผู้ปกครองและอาสาที่จะย้ายไปอยู่ที่พักพิงอาศัยใกล้เคียงที่คันฉะกา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “ตอนนี้ผมรู้สึกดีกว่าเดิมมากเพราะว่าที่นี่อุ่นกว่าเดิม และไม่มีควันไฟ และผมก็สามารถนอนข้างในได้” อบีดูเลาะห์ อิบราฮีมี เด็กชายไร้ครอบครัวอายุ 12 ปีอีกคน กล่าว เขายังได้กล่าวอีกว่าเขาอยากไปโรงเรียนและเขาคิดว่าที่พักพิงคันฉะกา จะสามารถช่วยเหลือเขาได้

สำหรับคนอื่นๆที่ไม่ได้ยื่นขอลี้ภัยในประเทศเซอร์เบียและตั้งใจที่จะลี้ภัยไปยังประเทศอื่นนั้นก็จะอดทนอาศัยอยู่ที่โกดังร้างแม้จะเต็มไปด้วยอันตรายจากควันพิษและความหนาว UNHCRได้เข้าไปแจกจ่ายใบปลิวภาษาฟาร์ซีเพื่อบอกกล่าวพวกเขาถึงสิทธิที่จะอาศัยในที่พักพิงของรัฐบาล และเร่งระบุเด็กที่ไร้ผูปกครองและผู้ดูแลที่นี่ รวมทั้งที่อื่นๆ

ฮาซรัต ไบลัล เด็กชายไร้ครอบครัวอายุ 14 ปี จากอัฟกานิสถาน ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในโกดังมาเป็นเวลา 4 เดือน ได้กล่าวว่า “ในบางคืนมันหนาวมากจนขาของผมไร้ความรู้สึก แต่ผมก็ยังต้องข่มตานอนต่อไป”เขาได้กล่าวเสริมอีกว่า “ผมรู้ว่าควันมันเป็นพิษและไม่ดีต่อร่างกาย แต่ผมก็ไม่ไม่มีทางเลือกจริงๆ”

ผู้ลี้ภัยและผู้อพยพแบกหมอนรางรถไฟมาก่อไฟให้ความอบอุ่นที่หลังสถานีรถไฟเบลเกรด
ผู้ลี้ภัยและผู้อพยพแบกหมอนรางรถไฟมาก่อไฟให้ความอบอุ่นที่หลังสถานีรถไฟเบลเกรด

ฮาซรัตบอกว่าเขาและคนอื่นๆอีกหลายคนพยายามที่จะข้ามชายแดนฮังการีและโครเอเชีย แต่ก็มีหลายคนที่พยายามข้ามแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จมานับครั้งไม่ถ้วน บางคนก็ถูกทุบตีและผลักดันให้กลับมายังประเทศเซอร์เบีย

“ผู้ลักลอบขนคนเข้าเมืองเอาเงินของผมไปหมด บางคนก็ทุบตีผม แต่อย่างไรก็ตามผมก็จะพยายามข้ามชายแดนให้ได้ มันต้องเป็นไปได้ซักวัน” ฮาตรัต ลี้ภัยจากเหตุความรุนแรงจากอัฟกานิสถานหลังจากพ่อของเขาถูกฆ่าเสียชีวิต

UNHCRได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงต่อผู้ลี้ภัย และผู้อพยพโดยกลุ่มอาชญากร รวมทั้งการลักพาตัว และการทำร้ายร่างกาย การข่มขู่ การขู่กรรโชก มันเป้นเรื่องที่สำคัญที่รัฐบาลยุโรปจะรีบพยายามแก้ปัญหาเครือข่ายอาชญากร เพื่อความปลอดภัยของกลุ่มผู้ลี้ภัยและผู้อพยพ

หมอกที่เย็นจัด และหิมะที่ตกในตอนกลางคืนทำให้ผู้คนต้องกลับมาทบทวนการย้ายเข้าไปอยู่ในโกดังอีกครั้ง “อยู่ที่นี่ไม่ดีเลย และผมก็อยู่คนเดียวด้วย” จิบราล โคเชล เด็กชายชาวอัฟกานิสถาน วัย 13 ปีกล่าว จิบราลอาศัยอยู่ในพื้นที่เปิดมาแล้วสามเดือนและอาสาที่จะย้ายไปอยู่ในที่พักพิงเร่งด่วนรอบถัดไป “ที่พักพิงที่เราจะย้ายจะต้องดีมากแน่ๆ อยู่ที่นี่ปัญหาเยอะมาก และพวกเราก็เริ่มป่วยกันหลายคนแล้ว”

คัมราน คานวัย 14 ปี และอมานวัย 16 ปี พี่ชายชาวอัฟกานิสถาน ก็ไม่สามารถทนอยู่ในพื้นที่เปิดได้อีกต่อไป และจะเดินทางเพื่อย้ายไปอยู่ในที่พักพิงรอบถัดไปเช่นกัน “เราจะพยายามข้ามชายแดนอีกครั้ง แต่ตอนนี้อากาศหนาวมาก มันเลยเสี่ยงเกินไป ตอนนี้เราเลยต้องรอไปก่อนครับ” คัมราน กล่าว