Skip to main content

ภาษา

 

การช่วยเหลือเด็กขาดสารอาหาร-ระบบการศึกษา ผู้ลี้ภัยในยูกันดา

 

ภาวะขาดสารอาหารและความอดอยากที่เกิดขึ้นกับผู้ลี้ภัยชาวซูดานใต้ กลายเป็นปัญหาเร่งด่วนที่องค์การสหประชาชาติต้องเร่งให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้ลี้ภัยยิ่งทำให้ขาดแคลนอาหารและน้ำ รวมถึงการให้การศึกษาที่กำลังจะเป็นปัญหาตามมาเพราะในจำนวนผู้ลี้ภัยที่เป็นเด็กกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ หากสงครามยังไม่ยุติเด็กเหล่านี้ก็จะหายไปจากระบบในอนาคต วันนี้คุณฐปณีย์ เอียดศรีไชย จะพาไปดูการช่วยชีวิตเด็กที่ขาดสารอาหารและระบบการศึกษาเพื่อผู้ลี้ภัยในประเทศยูกันดา

ทุกวันจะมีเด็กผู้ลี้ภัยชาวซูดานใต้มาเข้ารับการตรวจสุขภาพและรักษาภาวะขาดสารอาหารที่ศูนย์โภชนาการ วันละไม่ต่ำกว่า 100 คน โดยศูนย์พยาบาลในพื้นที่รองรับผู้ลี้ภัย Nyumanzi Settlement เมือง Adjumani ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR ต้องมีศูนย์โภชนาการเพื่อรักษาเด็กที่ขาดสารอาหารโดยตรง แม้ผู้ลี้ภัยเหล่านี้จะเป็นกลุ่มแรกที่อพยพมาประเทศยูกันดา ตั้งแต่ปี 2013 และอยู่ที่นี่มา 4 ปีแล้ว แต่การขาดแคลนอาหาร และการเติบโตของจำนวนผู้ลี้ภัยที่เพิ่มสูงเกือบ 2 แสนคนภายใน 10 เดือน ทำให้ต้องจัดสรรงบประมาณไปช่วยผู้ลี้ภัยฉุกเฉิน ขณะที่เด็กเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการรักษาเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง

โจนาธาน นักโภชนาการของ UNHCR บอกว่า การตรวจเด็กที่ขาดสารอาหารนอกจากการวัดรอบวงแขน ที่เด็กต่ำกว่า 5 ขวบ ต้องมีรอบวงแขนไม่ต่ำกว่า 11 เซนติเมตร แต่จะต้องมาคำนวณร่วมกับน้ำหนักและส่วนสูง ที่บางคนแม้รอบวงแขนผ่าน แต่เมื่อรวมทั้งหมดแล้วมีภาวะขาดสารอาหาร เช่นเด็กหญิงคนนี้ วิธีการรักษาจะต้องให้ทานอาหารเสริม ที่ได้รับจาก WFP ซึ่งต้องทานให้ครบ 2 ซอง ภายใน 2 อาทิตย์ และต้องนำซองมาคืนเพื่อยืนยันว่าเด็กได้ทานครบ ขณะที่แพทย์จะแนะนำวิธีดูอาการเด็กที่อาจมีภาวะขาดสารอาหาร จะหายใจไม่ออก ท้องเสีย ไม่ทานนมแม่ อาเจียน มีไข้สูง และอิดโรยหรือมีลักษณะท้องป่อง ต้องมาพบแพทย์โดยด่วน

อาหารจึงมีความจำเป็นกับผู้ลี้ภัย ทั้งที่อยู่เก่าและเข้ามาใหม่ เพราะอาหารหลักของพวกเขามีเพียงถั่ว ไม่มีเนื้อสัตว์ และข้าวที่ไม่เพียงพอ จึงกลายเป็นปัจจัยของการขาดสารอาหาร

นอกจากนี้น้ำมีความจำเป็นพบว่าต่ำกว่ามาตราฐาน ที่หนึ่งคนจะต้องได้รับน้ำเพื่อกินดื่ม วันละ 20 ลิตรต่อวัน ต่อคน แต่ผู้ลี้ภัยได้รับเพียงวันละ 15 ลิตร ต่อวันต่อคน  โดยเฉพาะในพื้นที่พักพิง Bidibidi ซึ่งกลายเป็นค่ายผู้ลี้ภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก พบว่า พื้นที่ป่าที่แห้งแล้ง แม้จะมีน้ำบาดาล แต่ไม่เพียงพอ จนต้องนำน้ำขนส่งมาให้ตามจุดรับน้ำต่างๆ

โครงการระดมทุนเพื่อช่วยชีวิตเด็กและครอบครัวจากภัยสงคราม จึงตั้งเป้านำเงินบริจาคไปจัดหาอาหารเสริม เกลือแร่ในช่องปาก สนับสนุนแพทย์และนักโภชนาการเพื่อช่วยเหลือเด็กจากโรคขาดสารอาหาร จัดหาน้ำสะอาด เนื่องจากงบประมาณของ UNHCR มีเพียง 6 % หรือ 1,500 ล้านบาท วในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยซูดานใต้กว่า 5.5 ล้านคน จากงบประมาณ 734 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า  25,000 ล้านบาท

Stanley  M.Misseleni หัวหน้าภาคสนาม UNHCR เมืองอาจูมานี ประเทศยูกันดา  บอกว่าการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะในจำนวนผู้ลี้ภัยชาวซูดานใต้เกือบ 2 ล้านคน เป็นเด็ก 63 % พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการศึกษา ซึ่งในพื้นที่รองรับผู้ลี้ภัย BidiBidi Settlement  ได้เปิดโรงเรียนชั่วคราว ให้พวกเขาได้เรียนอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยม และพอจะสร้างความสุขให้เด็กเหล่านี้ได้ลืมภาพความรุนแรงบ้าง เช่น Malis Isaac แม่ของเขาเสียชีวิต ขณะที่พ่อยังอยู่ในซูดานใต้ เขาอยู่ที่นี่กับเพื่อนบ้าน การได้มาโรงเรียนจึงเป็นความหวังสำหรับเขาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

แม้รัฐบาลยูกันดา จะเปิดให้เรียนร่วมกับชาวยูกันดาได้ เช่นที่เมืองอาจูมานี่ แต่พบว่า เด็กสามารถเรียนได้ในชั้นประถมศึกษาเท่านั้น เพราะเรียนฟรี แต่เรียนได้เพียง 63 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และไม่สามารถศึกษาต่อในชั้นมัธยมศึกษาได้ เพราะต้องเสียเงิน ทำให้เด็กผู้ลี้ภัย เพียง 7 เปอร์เซ็นต์ UNHCR จึงเป็นห่วงการศึกษาของเด็กรุ่นนี้จะขาดหายจากระบบหากเติบโตไปโดยไม่ได้รับการศึกษา ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ข่าว 3 มิติ รายงานจากประเทศยูกันดา

จากวิกฤติสงครามและความอดอยากที่เกิดขึ้น UNHCR จึงเปิดระดมทุนเพื่อนำไปช่วยเหลืออย่างเร่ด่วน ท่านสามารถบริจาคได้ผ่านทาง  บริจาคช่วยชีวิตพวกเขาได้ที่ www.unhcr.or.th หรือ บริจาคทาง SMS 30 บาท พิมพ์ 30 ไปที่ 4642789

http://www.krobkruakao.com/abroad/42693

#ข่าว3มิติ #ครอบครัวข่าว3 #krobkruakao3