Skip to main content

ภาษา

Nader

นาเดอร์: นักดนตรีแซกโซโฟน คุณพ่อ และแฟนตัวยงโมสาร์ท

นาเดอร์คือผู้ลี้ภัยรุ่นที่ 3 พ่อและแม่ของเขาลี้ภัยมาจากปาเลสไตน์ตั้งแต่ยังเด็ก นาเดอร์โตที่กรุงดามัสกัสประเทศซีเรีย และเมื่อความขัดแย้งได้ก่อตัวขึ้นเมื่อปีพ.ศ 2554 พวกเขาจึงต้องอพยพออกมา อายา ลูกสาวซึงขณะนั้นอยู่ในวัย เพียง 10 ขวบ ได้ยินเสียงระเบิดครั้งแรกบอกว่า “หนูกรีดร้องแล้วก็ปลุกคนทั้งตึกเลย ตอนที่เรารีบหนีขึ้นรถแท็กซี่ของเพื่อนบ้าน มีปืนระดมยิงมาที่รถที่เรานั่ง หลังรถเป็นรอยกระสุนปืนเยอะมาก” ครอบครัวของนาเดอร์ย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเมื่อสถานที่นั้นๆอันตรายเกินกว่าที่จะสามารถอาศัยได้

ในปีพ.ศ 2556 นาเดอร์ย้ายมาอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย และหลังจากนั้น 2 เดือน รานาและลูกๆอีก 3 คนก็ตามมาอยู่ด้วยกันพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ และแซกโซโฟน ตอนนี้ครอบครัวของนาเดอร์ได้รับการตอบรับให้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในทวีปยุโรปและหวังว่าจะสามารถทิ้งชีวิตผู้ลี้ภัยนี้ไว้เบื้องหลัง “ถ้าเราไปถึงที่นั่น หนูอยากจะเข้าโรงเรียน เรียนภาษาและชวนเพื่อนๆมางานวันเกิดที่บ้าน” อายา บอก

มายาลูกสาว และรานาผู้เป็นภรรยากำลังเตรียมอาหาร นาเดอร์กล่าวว่า “ในคืนวันแต่งงานของเรา รานาและผมทานไข่เป็นอาหารเย็น เพราะนั่นคือทั้งหมดที่เราหาได้ในตู้เย็น เราคิดว่าครอบครัวและเพื่อนๆจะเตรียมอาหารไว้ให้แต่ผมลืมบอกพวกเขาให้เตรียมไว้ ผมจำคืนนั้นได้แม่น แล้วตอนนี้เราก็กินไข่ 2 ครั้ง ต่อวัน! ©UNHCR/R. Arnold/2015
มายาลูกสาวคนรอง และรานาผู้เป็นภรรยากำลังเตรียมอาหาร นาเดอร์กล่าวว่า “ในคืนวันแต่งงานของเรา รานาและผมทานไข่เป็นอาหารเย็น เพราะนั่นคือทั้งหมดที่เราหาได้ในตู้เย็น เราคิดว่าครอบครัวและเพื่อนๆจะเตรียมอาหารไว้ให้แต่ผมลืมบอกพวกเขาให้เตรียมไว้ ผมจำคืนนั้นได้แม่น แล้วตอนนี้เราก็กินไข่ 2 ครั้ง ต่อวัน! ©UNHCR/R. Arnold/2015

 “ผมชื่นชอบดนตรีตั้งแต่อายุ 15 ปี ผมเคยเล่นกลอง ทรัมเป็ต และทอมโบรนที่วงดนตรีของโรงเรียน แต่พอผมได้เล่นแซ็กโซโฟนผมก็ไม่กลับไปเล่นเครื่องดนตรีชนิดอื่นอีกเลย ผมเล่นเป็นอาชีพมาได้ 18 ปีแล้ว 

นาเดอร์กับแซกโซโฟนที่ร้านอาหารในกรุงเทพฯที่เขาเล่นทุกคืน ©UNHCR/R. Arnold/2015
นาเดอร์กับแซกโซโฟนที่ร้านอาหารในกรุงเทพฯที่เขาเล่นทุกคืน ©UNHCR/R. Arnold/2015

ดนตรีช่วยผมทุกอย่าง ทั้งทางด้านจิตใจ การเงิน หรือแม้แต่มารยาท มันช่วยด้านจิตวิญญาณ และสำหรับผมแล้วรองจากครอบครัวก็คือแซกโซโฟนที่สำคัญสำหรับชีวิตผม ก่อนที่ผมจะแต่งงาน ผมเคยพยายามสอนรานาภรรยาให้เล่นฟลุต แต่เราทั้ง 2 คนก็ล้มเลิกความตั้งใจหลังจากสอนไปได้แค่ 2 ครั้ง เพราะเธอมีความสุขกับการเป็นผู้ฟังที่ดีมากกว่า ตอนที่เธอตั้งท้องเราเปิดเพลงของโมสาร์ทให้อายาฟัง แต่ตอนนี้อายากลับชอบวง One Direction ผมสอนลูกทุกคนให้เล่นเครื่องเล่นดนตรี และผมเป็นครูที่เข้มงวดมาก อายาร้องเพลงและเล่นแซกโซโฟน ส่วนมายา และอาห์เหม็ดชอบที่จะร้องเพลงและเต้น และในโอกาสพิเศษพวกเราก็จะแสดงร่วมกัน

ผมและรานาแทบไม่ได้สังเกตเลยว่าลูกสาวของเราโตขึ้นทุกวันๆ อาห์เหม็ดเป็นเด็กที่ไม่ชอบอยู่กับที่ เขาต้องมีคนดูเขาถึง 15 คนเลยนะ เราปล่อยเขาอยู่ตามลำพังไม่ได้เพราะเขาจะสร้างปัญหาทันที ของทุกอย่างที่บ้านก็ต้องเก็บไว้ให้สูงมากพอที่อาห์เหม็ดจะไม่สามารถเอื้อมถึง ตอนนี้ผนังห้องเต็มไปด้วยภาพวาดผีมือของอาห์เหม็ด และเวลาเขาซนเมื่อไหร่ ผมมักจะบอกว่าเขาได้แม่ของเขามา แต่ผมรู้สึกขอบคุณรานา ภรรยาของผมมากที่เลี้ยงลูกของเราให้โตมาอย่างน่าภาคภูมิใจ” นาเดอร์วัย 41 ปี กล่าว

นาดา ภรรยานาเดอร์ วัย 38ปี และมายาลูกสาววัย 10 ขวบ ©UNHCR/R. Arnold/2015
นาดา ภรรยานาเดอร์ วัย 38ปี และมายาลูกสาววัย 10 ขวบ ©UNHCR/R. Arnold/2015

 

อาห์เหม็ดวัย 3 ขวบผู้ไม่เคยอยู่นิ่ง ชอบที่จะเล่นกับพี่สาวของเขาตลอดเวลา ©UNHCR/R.Arnold 2015
อาห์เหม็ดวัย 3 ขวบผู้ไม่เคยอยู่นิ่ง ชอบที่จะเล่นกับพี่สาวของเขาตลอดเวลา ©UNHCR/R.Arnold 2015