Real Needs : ฝันที่เป็นจริง
วอ วอ ลิน อายุ 27 ปี ตั้งตารอคอยที่จะเดินทางไปบ้านใหม่ของเธอที่อเมริกา เพื่อไปพบกับครอบครัวของเธอที่เดินทางไปตั้งถิ่นฐานล่วงหน้าแล้ว พี่สาว และน้องสาว เดินทางไปเป็นเวลาหนึ่งปี ส่วนพ่อเลี้ยง แม่ของเธอเพิ่งเดินทางไปได้เพียงไม่กี่วัน
วอ วอ ลิน อาศัยอยู่ในเมืองไทยเป็นเวลากว่า 20 ปี แต่ความฝันในการไปอเมริกามีมาตั้งแต่แรก เพียงแต่เธอไม่ได้คิดว่าจะเป็นไปได้
“ที่อยากไปอเมริกามากที่สุด ก็เพื่ออนาคตของลูก อยากให้ลูกได้เรียน ไปที่ใหม่ก็กลัวเหมือนกันค่ะ แต่คิดว่า นานๆ ไปคงจะดีขึ้น”
สำหรับ วอ วอ ลิน เธอคิดตลอดเวลาว่า พื้นที่พักพิงในเมืองไทย ไม่ใช่ที่สุดท้ายสำหรับครอบครัวของเธอ
“อยู่เมืองไทยก็ชอบนะ แต่ก็ไม่ใช่ที่อยู่ถาวร น้องสาวบอกว่าอเมริกาก็เหมือนประเทศไทย ก็เลยตั้งตารอที่จะได้ไปที่นั่น จะได้พร้อมหน้าทั้งครอบครัวซะที”
วอ วอ ลินเดินทางมาเมืองไทยพร้อมครอบครัวของเธอ เมื่อเธออายุเพียง 6 ขวบ เธอมีความผูกพันกับเมืองไทยมาก
“ชอบประเทศไทย อยู่ที่นี่ดีกว่าพม่า พม่าไม่เข้าใจเรา ไม่เหมือนคนไทยที่เข้าใจ และปฎิบัติต่อเราดี ถ้าถามถึงพม่า ตอบได้ทันทีว่า ไม่มีความคิดถึงพม่าเลย ไม่อยากกลับเลย ยิ่งได้ข่าวไม่ดี ก็ยิ่งไม่อยากกลับเลย”
เมื่อถามว่า ถ้าไปอเมริกาแล้ว จะคิดถึงเมืองไทยหรือไม่ เธอตอบอย่างไม่ลังเล
“คิดถึงเมืองไทยสิคะ ยังถามพี่สาวเลยว่า ถ้าไปอเมริกาแล้วจะได้กลับมาเมืองไทยหรือเปล่า พี่สาวบอกว่า ถ้ามีเงินก็กลับมาได้ ก็เลยดีใจ เพราะยังไงก็อยากกลับมาเมืองไทย”
วอ วอ ลิน และลูกของเธอ ได้ลงทะเบียนขอตั้งถิ่นฐานในอเมริกา ปลายปี พ.ศ. 2551 ขณะนี้ เธอรอสัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย ระหว่างนี้ เธอเตรียมตัวโดยการฝึกเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
“น้องเล่าว่า อเมริกาก็ดี ก็เหมือนประเทศไทยนั่นแหละ อาหารอะไรก็มีทุกอย่าง อยากกินอะไรก็มี ทำงานก็ดี อาหารอาจจะแพง แต่เราก็มีโอกาสทำงาน”
สุดท้าย วอ วอ ลิน ฝากข้อความถึงผู้บริจาคของ UNHCR ว่า
“ขอบคุณมากนะคะ ที่น้ำใจของเขาดีต่อคนที่ศูนย์อพยพเหล่านี้ เพราะพวกเราก็เข้ามาด้วยความยากลำบาก ขอบคุณที่ช่วยเหลือพวกเรา และส่งพวกเราไปในที่ๆดีที่สุด อย่างอเมริกา”
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 UNHCR ได้ช่วยให้ผู้ลี้ภัยชาวพม่ากว่า 50,000 คน ได้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในต่างประเทศ อาทิ อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย โดยคาดว่า ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2552 จะช่วยให้ผู้ลี้ภัยชาวพม่าอีกว่า 7,000 คน เดินทางออกจากประเทศไทยไปตั้งถิ่นฐานใหม่