เด็กชายชาวไนจีเรียผู้รอดชีวิตจากการถูกฝังทั้งเป็น
Larama และอิบราฮิม สองพี่น้องที่ถูกหล่อหลอมด้วยสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นยิ่งกว่าความผูกพันธ์ในฐานะคนในครอบครัว หลังผ่านเหตุหการณ์ความเป็นความตายมาด้วยกัน เธอช่วยชีวิตเขาหลังจากการจู่โจมอันทารุณทางตะวันออกเฉียงเหนือในประเทศไนจีเรีย UNHCR/Hélène Caux
ค่ายผู้ลี้ภัยมินาเวา ประเทศแคเมอรูน -มีนาคม 2558
ซาร์ราตูว์ หญิงวัย 33ปี ไม่มีวันลืมภาพของวันที่กลุ่มชายฉกรรณ์ติดอาวุธนับสิบคนซุ่มโจมตีหมู่บ้านของเธอในรัฐบอร์โน ประเทศไนจีเรีย
ในตอนนั้น เธออยู่ในบ้านพร้อมกับลูกๆ 3คน ในขณะที่สามีและลูกชายคนโต อิบราฮิมวัย10ขวบกำลังเลี้ยงวัวอยู่นอกเขตหมู่บ้าน ในช่วงที่กลุ่มโบโกฮารามบุกทำร้าย สามีของเธอพยายามวิ่งหนี แต่ก็ไม่มีทางรอด “สามีของฉันเหนื่อยมากเกินไป เขาหมดแรงและวิ่งต่อไม่ไหว”ซาร์ราตูว์ กล่าว คนพวกนั้นเชือดคอสามีของฉันต่อหน้าลูกชายของเรา”
อิบราฮิมล้มลงข้างศพพ่อเขาและเริ่มร้องไห้ แต่เขามีเวลาเสียใจอยู่ได้ไม่นาน เมื่อไม่กี่อึดใจต่อมาหนึ่งในกลุ่มต่อต้านนำมีดยาวปักลงบนศีรษะของเขา “ผมหมดสติทันที ผมไม่สามารถขยับตัวได้และหลังจากนั้นผมก็พยายามลากตัวเองไปหลบเงาใต้ต้นไม้ พวกเขาย้อนกลับมาอีกครั้ง ยกตัวผมขึ้นเพราะคิดว่าผมตายแล้ว พวกเขาขุดหลุม โยนผมลงไปและฝังผมทั้งเป็นด้วยทราย”
2 วันหลังจากการโจมตี ยายของอิบราฮิมพร้อมกับพี่สาวลารามาวัย 13 ปีได้เดินทางออกตามหาอิบราฮิมและพ่อ ขณะที่ซาร์ราตูว์เกิดอาการเครียดอย่างหนักและรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลด้วยโรคความดันโลหิตสูง เมื่อพวกเขากวาดสายตามองไปยังซากปรักหักพังของหมู่บ้าน ลารามาก็พบน้องชายของเธอใกล้ๆพุ่มไม้ “ฉันรู้สึกเหนื่อยจึงนั่งลงใต้ต้นไม้ และก็สังเกตเห็นบางอย่างที่กำลังถูกแมลงวันตอม”เธอจำได้ว่ามีเพียงบางส่วนศีรษะของอิบราฮิมน้องชายของเธอเท่านั้นที่โผล่ขึ้นมาบนพื้นทราย ฉันถามออกไปว่านั่นใช่ ‘บอย’หรือเปล่า เพราะ‘บอย’คือชื่อเล่นของอิบราฮิม เขาผงกหัว ใช่เขาจริงๆด้วย เขามีแผลบนหัวและเลือดไหลเต็มหน้า “เธอรวบรวมความกล้าและขุดหลุมเพื่อนำน้องชายของเธอขึ้นมาและแบกเขาขึ้นหลังกลับไปยังหมู่บ้าน”“ฉันเหนื่อยมากแต่ฉันต้องช่วยน้องให้ได้”ลารามากล่าว
อิบราฮิมใช้เวลา 4 เดือนครึ่งในโรงพยาบาลเมืองโคซา ประเทศแคเมอรูน อาการของเขาดีขึ้นตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตามแม่ของเขาบอกว่าเขามีท่าทีที่เปลี่ยนไปมาก ดูซึมเศร้าและเดินกะเผลกอิบราฮิมเริ่มยิ้มได้อีกครั้ง ตอนนี้เขาได้ไปโรงเรียนที่ๆเขาได้เรียนวิชาภาษาอังกฤษที่เขาชอบ และเล่นฟุตบอล แต่มีเพียงแค่เวลาและการดูแลอย่างใกล้ชิดเท่านั้นที่บอกได้ว่าอิบราฮิมจะหายดีเมื่อไหร่ หลังจากที่อิบราฮิมได้ออกจากโรงพยาบาลครอบครัวของเขาได้ย้ายไปอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัยมินาเวา
เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หมู่บ้านชาวไนจีเรียหลายหมู่บ้านแถบชายแดนถูกโจมตีและถูกเผาทำลาย ไม่ต่างกับครอบคัวของอิบราฮิม ทุกคนในค่ายผู้ลี้ภัยมินาเวาแลกเปลี่ยนเรื่องราวความรุนแรงที่ได้เจอมากับตัวให้กันฟัง ผู้คนหลายคนต้องหลบหนีด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่หลายคนรอดตายจากการถูกทารุณกรรมหรืออยู่ในเหตุการณ์ที่ครอบครัวหรือเพื่อนตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายอย่างที่สุด และมีบางคนก็ถูกลักพาตัว
“ที่ประเทศแคเมอรูน ฉันมีน้ำและอาหารเพื่อลูกๆของฉัน พวกเขาได้ไปโรงเรียน มีที่ให้พักพิงและเรารู้สึกปลอดภัย เราจะไม่กลับไปไนจีเรีย สำหรับฉันแล้ว ค่ายผู้ลี้ภัยนี้ก็คือบ้านของฉัน ฉันคิดว่าฉันจะยังไม่ไปจากที่นี่ อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ”
ค่ายมินาเวาเปิดเมื่อเดือนกรกฏาคม ปี 2556 เพื่อให้ที่พักพิงแก่ผู้ลี้ภัยชาวไนจีเรียราว 33,000คน 1.2 ล้านคนอย่างน้อยที่พลัดถิ่นอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไนจีเรียตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2556 เมื่อรัฐแอดามาวา บอร์โนและ โยเบ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ผู้คนกว่าแสนคนลี้ภัยไปยังประเทศไนเจอร์ ขณะที่อีกกว่า74,000คนขอลี้ภัยเข้าประเทศแคเมอรูน และอย่างน้อย 18,000คนขอลี้ภัยในประเทศชาด การรุกรานอย่างรุนแรงในประเทศแคเมอรูนยังส่งผลให้ตั้งแต่เจ้าหน้าที่รวมไปถึงคนเลี้ยงแกะ และชาวนาราว 96,000คน ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น